Villa De Bear
จุด Landmark แห่งใหม่บนย่านราชพฤกษ์
การเลือกที่ตั้งทำเลในการทำธุรกิจเป็นสิ่งสำคัญที่ประกอบการต้องให้ความสำคัญต่อธุรกิจ ที่กำลังจะสร้างขึ้น ถนนราชพฤกษ์ เป็นถนนที่ทอดยาวจาก เขต กรุงเทพมหานครสู่เขต จังหวัดนนทบุรี ปัจจุบันถนนราชพฤกษ์ ได้เติบโตเป็นเส้นทางธุรกิจตลอดทั้งสาย ทำให้นักลงทุน ต่างมองเห็นช่องทางในการทำธุรกิจในย่านราชพฤกษ์ ทุกวันนี้ถนนราชพฤกษ์เต็มไปด้วยที่อยู่อาศัย และสิ่งอำนวยความสะดวกต่าง ๆ มากมายเกิดขึ้นรวมถึงร้านอาหาร และ ที่เป็นจุดLandmark สำคัญบนถนนราชพฤกษ์ เลยก็คือ Villa De Bear ร้านอาหารธีมโรงงานหมีเป็นที่สะดุดตาของ ผู้คนที่ผ่านไปผ่านมาทั้งขาเข้า และ ขาออก บนถนนราชพฤกษ์
ร้าน Villa de Bear ดำเนินการโดยบริษัท เต็มคำ 168 จำกัด ซึ่งเกิดมาจากความตั้งใจของ
คุณศิวะกร จูงพล ที่จะสร้างสรรค์ร้านอาหารที่ดีให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้า มีความโดดเด่น
ทั้งเมนูอาหาร บรรยากาศ การบริการและพัฒนาให้ร้านกลายเป็นจุด Landmark สำคัญบน
ถนนราชพฤกษ์ ภายใต้คอนเซปต์โรงงานผลิตตุ๊กตาหมีสไตล์ฮอลแลนด์นามว่า “VILLA DE BEAR” วันนี้คุณศิวะกร จูงพล ผู้บริหารร้านVilla De Bear จะมาบอกเล่าประสบการณ์
ในการสร้างจุดแข็งให้กับธุรกิจร้านอาหารให้ฮิตติดกระแสต่อผู้บริโภคกันคะ
การเลือกที่ตั้งทำเล
ถนนเส้นราชพฤกษ์เป็นเส้นที่มีอนาคต ผมมองการทำเลมาประมาณ 3 – 4 ปีแล้ว แต่ว่าจังหวะช่วงก่อนเรายังไม่อยากลงทุน เพราะยังรู้สึกว่าสภาพแวดล้อมโดยรอบยังไม่ เติบโตมากนักพอมีหมู่บ้านจัดสรร ทางด่วน มาลงเราก็เริ่มเห็นโอกาสในการทำธุรกิจ ก็เลยมาเก็บ ข้อมูลการทำเลไว้ก่อนแล้วจึงตัดสินใจลงมือทำ เพราะผมมองว่าเส้นนี้เป็นย่านของหมู่บ้าน ทำให้ความเป็นอยู่กันแบบครอบครัวค่อนข้างเยอะ หรือ อีกประเภทก็คือผู้คนที่เขาอยากหลีกหนี ความวุ่นวายจากในเมืองออกมาพักผ่อนอยู่นอกเมืองบ้าง เหตุผลเหล่านี้มันเลยตอบโจทย์ผมในการ ลงทุนทำร้านอาหาร
ต้องมี story ของร้าน
ตัว concept เราได้นั่งคิดก่อนว่าจะทำร้านอาหารสไตล์ยุโรปทีนี้เราก็มาดูคู่แข่งว่าสไตล์ยุโรป เนี่ยมันมีเยอะแล้ว เราก็เลยไม่อยากให้คนที่เข้ามาแล้วเพื่อที่ถ่ายรูปมาเช็คอินเพียงอย่างเดียว แล้วก็จบ
มันเหมือนไป copy คนอื่นเขามา ก็เลยอยากสร้างร้านอาหารสไตล์ยุโรปที่มันมี story ด้วยข้างใน ก็เลยมาคิดดูว่าเราจะเอาอะไรเล่นได้บ้างเลยลงตัวที่ หมี เพราะผมมองว่า หมี สามารถเข้าได้กับทุก เพศทุกวัย เมื่อได้หมีมาเป็นตัวเดินเรื่องจึงเพิ่มเติมในส่วนของ story ให้ดูมีเรื่องราวมากขึ้นโดยสร้าง character ให้ตัวหมีมีชื่อว่าวิลลี่เพิ่มเติมความเข้มแข็งลงไปนิดนึง โดยวิลลี่มีคุณปู่ ซึ่งคุณปู่ของเขาได้ ทำโรงงานหมีมาก่อน และ พอวันหนึ่งคุณปู่ของเขาได้เสียเขาก็เลยจะส่งมอบธุรกิจนี้ให้หลานซึ่งก็ คือเจ้าวิลลี่ โดยวิลลี่จะมีอุปนิสัยของหาอร่อยกินชอบเดินทางมีเพื่อนเยอะ ก็เลยเอาความชอบของเขา มาใส่ไว้ในโรงงานของคุณปู่ มันเลยกลายเป็น story ของร้านอาหารที่มีเรื่องราวผลิตตุ๊กตาหมีอยู่
Concept ต้องแข็ง
ผมมองว่าการสร้าง story ให้ร้านมันทำให้ร้านเราดูมีชีวิตขึ้นมาจริง ๆ ไม่ใช่เพียงแค่เข้ามา
และก็จบกันออกไป มันก็จะมีเรื่องเล่าที่เล่ากันต่อไปเรื่อย ๆ อย่างเพื่อนของวิลลี่แก๊งค์ของเขาก็จะ แทรกเข้าไปอยู่ในหลาย ๆ จุด อย่างเช่นในเมนู ที่รองจาน ตุ๊กตา หรือ กรอบรูปต่าง ๆ ที่อยู่ในร้านก็ จะมีเพื่อนของเขาแทรกอยู่ก็จะมีเรื่องราวที่เราค่อย ๆ ปล่อยออกมาเรื่อย ๆ ถ้าเราจะเล่าเรื่อง
เกี่ยวกับหมี มันก็ควรจะมี concept ที่แข็ง เราก็มา research ดูว่าอะไรที่มัน คล้าย ๆ กับ concept โรงงานผลิตตุ๊กตาหมีของเราบ้าง ทำให้เราต้องคิดตัวละครขึ้นมาใหม่ทั้งหมด รวมถึง Art work และ Graphic ต่าง ๆ
มุ่งเน้นไปที่ครอบครัวเป็นหลัก
กลุ่มเป้าหมายหลักที่เรามองไว้เลยคือ ครอบครัว อย่างที่ผมได้บอกไปว่าเส้นราชพฤกษ์คือ ถนนที่เต็มไปด้วยหมู่บ้าน ทำให้เรามุ่งกลุ่มเป้าหมายหลักไปที่ครอบครัว ผมมองว่าครอบครัว ไม่ได้ มีแค่ พ่อ แม่ ลูก คือแต่ละคนจะมีความหลากหลายตัวเอง เพราะฉะนั้นเราเลยหา concept ของอาหารในร้านเราว่าในตอบโจทย์ทุก ๆ คนที่อยู่ในครอบครัวไม่ว่าจะเป็นกลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเด็ก หรือ กลุ่มคนมีอายุ ในตัวของอาหาร และ เครื่อง จะมีความหลากหลาย รวมถึงเรื่องราว story ของร้าน ที่จะตอบโจทย์พวกเขาได้ รวมถึงสถาปัตย์ภายในร้านทำให้ร้านของเราดูเป็น concept ที่ชัดเจน ทำให้เกิดคำจำกัดความที่ว่า Food Village ก็คือทุก ๆ อย่างรวมอยู่ในร้านเดียวกันหมด
Social Media มีผลต่อ FeedBack
ได้รับผลตอบรับที่ดีมากผมมองว่าสื่อ social media เป็นสิ่งที่ไวเวลาจะทำอะไรเราต้องคิดให้ ไว ทำให้ไวถ้าไม่ใช่เราจะโยนทิ้งทันที ต้องมองว่าสื่อออนไลน์เมื่อทำไม่ดีออกไป แน่นอนว่าฟีดแบค ที่ย้อนกลับมามันจะแรงมาก แต่ถ้าทำดีบางทีก็อาจจะเป็นกระแส เพราะฉะนั้นเราต้องเข้าใจกลุ่ม ผู้บริโภค ก่อนว่าเขาต้องการอะไร ต้องตีโจทย์อย่างแรกเลยก่อนที่เราจะเข้าไปในสื่อออนไลน์ เราต้องดูว่ากลุ่มคนที่มาร้านอาหารเขาต้องการอะไร ต้องการบริการแบบไหน อาหารแบบไหน เพื่อลดการที่จะถูก complain จากลูกค้า แต่ตรงนี้เป็นสิ่งที่ดี เพราะลูกค้าเขาจะให้โอกาสเราแค่ ครั้งเดียว
เล่าความจริงใจต่อลูกค้า
หลักง่าย ๆ ในการทำ social ผมคิดว่าเราแค่เล่าเรื่องราวของเราแบบ real ลงไปให้ดู เป็นเรื่องจริงโดยไม่ผ่านการปรุง หรือ แต่งเติมอะไรทั้งนั้น อะไรที่มันไม่ใช่ภาพของเรา เราก็ จะไม่ใส่มันลงไป อยากให้ลูกค้าได้มาสัมผัสที่ตัวเราจริง ๆ มากกว่า ฟังดูอาจจะยากแต่ถ้าเราสร้าง story จุดแข็งของร้านให้ดูชัดเจนแล้วเราปล่อยออกไปเล่าเรื่องด้วยความจริงใจ ผมว่ายังไงลูกค้าเขา ก็ต้องเห็นความจริงใจตรงนี้เอง
ปัจจัยที่สำคัญที่สุดในการบริหาร
สมัยนี้ร้านอาหารครบในทุกด้าน รูป รส กลิ่น เสียง ต้องครบทุกอย่างคือถ้าเราจะทำร้าน อาหารร้านหนึ่ง ถ้าคิดว่าแค่ทำมันก็อาจจะได้วัดดวงกันว่าอยู่รอด หรือ ไม่รอด อย่างแรกเลยคือ ถ้าเข้ามาแล้วมีรูปลักษณ์ ภาพลักษณ์ที่ดี ถ่ายรูปได้ บรรยากาศน่านั่ง ก็มีชัยไปกว่าครึ่งและ สอง คือเรื่องรสชาติ และ สามเรื่องการบริการ ถ้าสามสิ่งนี้เราสามารถโฟกัสได้คุณภาพไม่ตกผมว่าลูกค้าเขาไม่ไปไหนยังไงก็ต้องวนกลับมา ผมยังมองว่าเรื่องราคามันเป็นเรื่องสุดท้ายถ้าราคาแพงแต่บริการดีอาหารอร่อยยังไงเขาก็ต้องกลับมา
แพลนในอนาคตของ Villa De Bear
ตัวร้าน Villa De Bear ก็เหมือนเป็นร้านแม่ เพราะที่นี่จะเป็นสถานที่อบรมพนักงาน คือเราวางแผนจะเปิดในอนาคตอยู่แนว แต่อาจจะไปในรูปแบบของหวานบ้าง หรือ เป็น Bar & Bistro ที่แตกลายมาจากตัว story ของ Villa De Bear คือที่นี่จะมีหมีตัวหลัก ๆ อยู่หนึ่งตัว เราอาจจะ หยิบเพื่อน ๆ เขาออกมาเล่นเป็นร้านอื่น แต่ยังมีความเชื่อมโยงกันอยู่
ฝากถึงนักลงทุนรุ่นใหม่
การทำร้านอาหารเหมือนง่ายแต่ถ้ารายละเอียดเยอะเราก็ต้องวางแผนให้ละเอียด แต่ผมมอง ว่าถ้าเราเป็นคนรุ่นใหม่ เรามีไอเดียสร้างสรรค์ผมว่าตรงนี้เราจะมีความคิดที่ดีกว่าพวกนักลงทุน รุ่นเก่า ๆ แต่หัวใจหลักของการทำร้านอาหารเลยก็คือต้นทุนที่เราต้องบริหาร และ การบริหารคน เพราะคนจะ turn over ของธุรกิจร้านอาหารค่อนข้างเยอะ ต้องดูว่าเราจะบริหารงานสไตล์ไหนถ้าเป็นธุรกิจใหญ่หน่อยเราจะต้องดูว่าเราจะบริหารคนอย่างไร หรือ มีการพูดถึงแรงจูงใจในการ ทำงานให้กับพนักงาน ต้องดูว่าร้านที่เราจะสร้างขึ้นเป็นสไตล์ไหน และที่สำคัญ concept ต้องชัดเจน story ต้องมีเรื่องราว อาหารต้องอร่อย และ กลุ่มเป้าหมาย 4 เรื่องนี้ต้องให้ความสำคัญ